วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

Q3ไร้เงากองทุนทำวินโดว์ฯ

กองทุนยิ้มแฉ่ง!!ไตรมาส 3 /53 ไม่เปลืองงบทำวินโดว์ เดรสซิ่ง เหตุดัชนีพุ่งพรวด
กว่า 20% ทำงบแจ่มโดยปริยาย ส่วนรายย่อยผิดหวังไร้แรงซื้อจากสถาบันดันดัชนีก้าวกระโดด
นักวิเคราะห์คาดอาจมีการทำราคาเพื่อปิดงบเฉพาะหุ้นที่ลดลงแรง ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์-ส่งออก-
ยานยนต์-เกษตร-รับเหมาก่อสร้าง แต่มีผลต่อดัชนีไม่มาก ชี้หุ้นไทยยังน่าสนใจ ไม่จำเป็นต้องพึ่ง
วินโดว์ฯ เหตุทุนนอกทะลักยาวจนถึงไตรมาส 4 ล่าสุดโบรกฯออกมาเพิ่มเป้าสิ้นปีเป็น 1100 จุด
หลังจากที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดในช่วงไตรมาส 3/53 จากระดับ
802 จุด ขึ้นมาที่ระดับ 962.47 จุด หรือเพิ่มขึ้น 20% ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันไม่จำเป็นต้องไล่
ซื้อหุ้นทำราคาเพื่อปิดงวดบัญชี( Window dressing) เพราะหุ้นที่ถืออยู่ให้ผลตอบแทนสูง ทำให้
งบการเงินออกมาสวยงามอยู่แล้ว ไม่ต้องเปลืองงบไล่ซื้อหุ้นเหมือนที่ผ่านมา สร้างความผิดหวังให้
นักลงทุนรายย่อยที่คาดหวังว่า Window dressing จะช่วยหนุนดัชนีให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่าที่
ควรจะเป็น
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า การทำวินโดว์ เดรสซิ่ง อาจจะมีอยู่บ้าง โดยเฉพาะหุ้นที่ปรับ
ตัวลดลงมามาก เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มส่งออก กลุ่มยานยนต์ กลุ่มเกษตร และกลุ่มรับเหมา
ก่อสร้าง แต่หุ้นเหล่านี้มีผลต่อการผลักดันดัชนีไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงปลายไตรมาส 3/53 จะไม่มี Window dressing ดัชนีหุ้นไทยก็
ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่คาดว่าจะแรลลี่ยาวไปจนถึงช่วง
ไตรมาส 4/53 ส่งผลให้โบรกเกอร์ต้องปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีในปีนี้ขึ้นเป็น 1050-1100 จุด

นักวิเคราะห์ฟันธงไม่เกิด Window dressing

นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าว
ว่า ในช่วงสิ้นไตรมาสสาม ไม่น่าจะเห็นการปิดงวดบัญชีด้วยการไล่ซื้อหุ้นของพวกกองทุน เหมือน
เช่นที่ผ่านมา เพราะการปิดงวดบัญชี หรือ วินโดว์เดรสซิ่ง จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อราคาหุ้นในตลาด
ปรับลดลง แต่นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ราคา
หุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กล้วนปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยหากนับเฉพาะไตร
มาส 3 (2 ก.ค.-ปัจจุบัน) ราคาหุ้นขนาดใหญ่ปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 30% ส่วนหุ้นขนาดเล็กปรับ
เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 60% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 20% นับจากวันที่ 2 ก.ค.53 ที่ระดับ
802 จุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำวินโดว์เดรสซิ่ง
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3 โดยเฉพาะเดือนสิงหาคม-กันยายน ต่างชาติเริ่มเข้าซื้อสุทธิ
เพิ่มมากขึ้นในตลาดหุ้นไทย รวมถึงตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเช่นเดียวกัน เนื่องจากต่างชาติยังไม่
มั่นใจในเศรษฐกิจของสหรัฐ เห็นได้จากการที่สหรัฐเตรียมจะอัดฉีดเงินรอบที่ 2 เข้าสู่ระบบ
เศรษฐกิจ ส่งผลให้เงินสกุลดอลลาร์อ่อนค่าลง ในขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียเริ่มแข็งค่าขึ้น
'ดังนั้นจึงมองว่ายากมากที่บริษัทต่างๆ จะทำวินโดว์เดรสซิ่งเหมือนปิดงบในช่วงที่ผ่าน
มา ทำให้ไม่ต้องเปลืองเงินในการไล่ซื้อหุ้น'นายวีระชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า อาจจะมีการไล่ซื้อหุ้นเพื่อทำวินโดว์เดรสซิ่งในหุ้นบางกลุ่ม
เท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนน้อย นั่นคือ หุ้นกลุ่มที่ราคาปรับตัวลดลง เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มส่งออก
กลุ่มยานยนต์ กลุ่มเกษตร และ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งก็ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อตลาดโดยรวม
ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ไม่น่าจะ
เห็นการทำวินโดว์เดรสซิ่งในช่วงปิดงวดบัญชีไตรมาส 3 นี้ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดก็ต่อ
เมื่อราคาหุ้นในตลาดปรับลดลง แต่ช่วงนี้หุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงไม่เห็นการทำวินโดว์
เดรสซิ่งแน่นอน เว้นแต่ว่าราคาหุ้นตกลงมาแรงในช่วงใกล้ปิดงวดบัญชีเท่านั้น

พัฒนสินเผยกลุ่มโรงพยาบาล-ปิโตรฯมีโอกาสถูกไล่ซื้อมากสุด

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน ประเมินว่า ช่วง Window dressing จากค่า
เฉลี่ยสถิติ 10 ไตรมาสย้อนหลัง พบว่ากลุ่มโรงพยาบาล และปิโตร มีความน่าจะเป็นสูงสุด 80-
90% ที่จะปรับตัวสูงขึ้น และ 40% ขึ้นมากกว่าตลาด วัดจากช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนปิดงวดบัญชี
สำหรับรอบนี้คาดว่า การทำราคาปิดงวดบัญชี มีโอกาสเกิดขึ้นกับหุ้นที่ผลตอบแทน
(Return) ติดลบนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าตลาด
(Laggard) ในรอบที่ผ่านมา ได้แก่ DELTA, HANA, TSTH, PTTAR และ AOT

กิมเอ็งชี้ window dressing มีผลต่อตลาดน้อยสุดช่วงQ3

บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า window dressing ในช่วงไตรมาส 3
มีผลต่อตลาดน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับไตรมาส 1-2-3 โดย KimEng ได้ศึกษาถึงผลของ Window
Dressing ในแต่ละไตรมาสย้อนหลังไป 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า Window Dressing มีผลต่อตลาด
สูงสุดในไตรมาสที่ 4 ตามมาด้วย ไตรมาสที่ 2 ไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 3 ดังนั้นการคาดหวัง
ว่า SET INDEX จะดีดตัวขึ้นจากการทำ Window Dressing ในสัปดาห์นี้จึงน่าจะเป็นไปอย่าง
จำกัด

ทิสโก้เพิ่มเป้าดัชนีสิ้นปีเป็น 1050-1100 จุด

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดลูกค้าส่วนบุคคล บล.ทิสโก้
จำกัด กล่าวว่า บล.ทิสโก้ได้เพิ่มเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้เป็น 1050-1100 จุด จากเดิม
มองไว้ประมาณ 960 จุด เนื่องจากเชื่อว่าในช่วงไตรมาส 4/53 จะมีเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้า
มาลงทุนในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดโลกมีสูงและต้องการหาที่ลง
ทุน ซึ่งตลาดหุ้นไทยค่อนข้างน่าสนใจ นอกจากนี้ในเดือน ธ.ค.53 จะมีแรงซื้อจากกองทุนรวมหุ้น
ระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)เข้ามาผลักดันตลาดหุ้นไทยด้วย
'คาดว่าปีนี้ นักลงทุนต่างชาติก็ยังน่าจะเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนตุลาฯถึง
พฤศจิกาฯ ที่น่าจะซื้อไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท และหลังจากนั้นคงหยุดในเดือนธันวาคมตาม
เทศกาล แต่ในจังหวะนั้นก็เชื่อว่าพอร์ตของนักลงทุนสถาบันประเภท LTF และ RMFจะเข้ามา
ซื้อ'นายวิวัฒน์ กล่าว



เรียบเรียง โดย กานต์ธิดา หวานฉ่ำ
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com




ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 28/09/10 เวลา 8:45:31

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น