วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

7หมื่นล้านท่วมตลาดหุ้น ดันดัชนีไตรมาส4แตะ1,100จุด

บล.ทิสโก้ประเมินไตรมาส4 ต่างชาติ-สถาบัน แห่ลงทุนกว่า 7 หมื่นล้านบาท ดันดัชนีพุ่ง
1,050-1,100 จุด เตือนนักลงทุนยังเล่นเพลินระวังปี 2554 ดัชนีมีสิทธิ์ลงแรงเพราะยังมีสิทธิ ส่ง
ออกชะลอตัวกับประเด็นยุบพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาเป็นตัวถ่วง
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดลูกค้าส่วนบุคคล บริษัท
หลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ กล่าวในงานสัมมนา หัวข้อ เทคนิค SET50 Index Futures และจับ
จังหวะช้อนหุ้นเด็ดโค้งสุดท้าย เป้า 1000 จุด ว่า ในช่วงไตรมาส 4 นี้คาดจะมีเม็ดเงินเข้ามาลง
ทุนใน ตลาดหุ้นไทยอย่างคึกคัก โดยประเมินว่า จะมาจากแรงซื้อนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้ามาใน
ช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ ไม่ต่ำกว่า4 หมื่นล้านบาท
รวมถึงเม็ดเงินจากการลงทุนกองทุนหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund:
LTF) และกองทุนรวม เพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund: RMF)ที่จะเข้ามามาก
ในช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งคาดว่า จะมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท จึงน่าจะผลักดันให้
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้วิ่งขึ้นไปได้ถึง 1,050-1,100 จุดได้
'ก่อนหน้านี้เราเคยประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 960จุด แต่
จากการที่เห็นทิศทางเงินไหลเข้าลงทุนมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน
กองทุน LTF-RMF รวมกว่า7หมื่นล้านบาท ก็น่าจะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยวิ่งไปถึง 1,050-
1,100 จุดได้ ซึ่งถือเป็นระดับพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนไทย(บจ.)รองรับได้อยู่'นายวิวัฒน์
กล่าว
ปัจจัยที่ทำให้ยังคงมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะ ประเทศใน
แถบภูมิภาคเอเชีย รวมถึงไทยมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับ
ประเทศมหาอำนาจในกลุ่ม G3 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ที่ยังมีทั้งปัญหาการว่างงานและ
หนี้สินภาครัฐสูง จึงทำให้ค่าเงินค่อนข้างอ่อนตัว นักลงทุนเกิดความกังวลและย้ายการลงทุนจาก
เดิมที่อยู่ในรูปดอลล่าร์และยูโร มาลงทุนในทองคำรวมถึงหุ้นแทน ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็ได้รับอานิสงส์
ด้วย
โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาจะพบว่ามีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องจนดัชนี
ตลาดหุ้นในกลุ่มTIP ได้แก่ ประเทศไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 30% อินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น
ประมาณ 34% ฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น37% และหากวัดจากดัชนีตลาดที่เคยอยู่ในระดับต่ำสุด จะพบ
ได้ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 103% อินโดนีเซีย 155% ฟิลิปปินส์ 112%
อย่างไรก็ตามจากการปรับตัวเพิ่มอย่างต่อเนื่องนี้ นักลงทุนควรระมัดระวัง โดย
เฉพาะการลงทุนในปี 2554 ที่คาดว่า ดัชนีมีโอกาสปรับตัวลดลงนานประมาณ 3-5 เดือน ซึ่งน่า
จะร่วงลงประมาณ300 จุด ลงมาอยู่แถวระดับประมาณ 900 จุดอีกครั้ง เพราะได้ปรับตัวขึ้นไป
มากแล้ว อีกทั้งยังมีปัจจัยน่ากังวลด้านการส่งออกที่เติบโตแบบชะลอตัว รวมถึงปัญหาการยุบ
พรรคประชาธิปปัตย์



ที่มา แนวหน้า วันที่ 28/09/10 เวลา 8:24:02

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น