วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

3G จุดพลุหุ้นเล็ก

ครม. จุดพลุหุ้นเล็กไอซีที หลังอนุมัติให้ ทีโอที ลงทุนโครงการ 3G มูลค่า 1.9 หมื่น
ล้านบาท ส่งผลหุ้นเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ทำธุรกิจบนโครงข่ายปรับขึ้นถ้วนหน้า รวมถึงบรรดาผู้
จำหน่ายเครื่องโทรศัพท์มือถือ โบรกเกอร์ชี้ รอบนี้ต้องยกนิ้วให้ JAS-SAMTEL

หุ้นเล็กบวกรับ 3G ทีโอที เดินหน้า
แม้งานประมูล 3G จะต้องยุติลงไป แต่ไม่ได้ทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสื่อสารหมดเสน่ห์ลงแต่อย่างใด เพราะล่าสุดวานนี้ (28 ก.ย.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เห็นชอบโครงการลงทุนโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มูลค่า
โครงการ 1.9 หมื่นล้านบาท จากเดิมเป็นโครงการตั้งแต่สมัยที่ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี
เป็นรมว.ไอซีที ได้เสนอให้ครม.เห็นชอบกรอบลงทุนที่วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท แต่ที่ประชุม
ครม. เมื่อวันที่ 25 ส.ค.53 ได้ปรับลดกรอบลงทุนเหลือ 1.9 หมื่นล้านบาท และนั่นทำให้หุ้นเล็กๆ
ที่เกี่ยวข้องกับ 3G ต่างปรับขึ้นถ้วนหน้า นำโดย บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
(มหาชน) หรือ JAS, บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) (SAMTEL) และ บริษัท จัสมิน
เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS
โดยวันดังกล่าว JAS ปิดที่ระดับ 1.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือ 6.15% มูลค่า
การซื้อขาย 983.28 ล้านบาท, SAMTEL ปิดที่ระดับ 10.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือ
11.58% มูลค่าการซื้อขาย 622.38 ล้านบาท และ JTS ปิดที่ระดับ 2.12 บาท เพิ่มขึ้น 0.18
บาท หรือ 9.28% มูลค่าการซื้อขาย 76.05 ล้านบาท

โบรกฯ ชู JAS--SAMTEL-JTS โดดเด่น
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่กรุ๊ป
กล่าวว่า จากกรณีที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการลงทุนโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G
ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มูลค่าโครงการ 1.9 หมื่นล้านบาทนั้น จะส่งผลดีต่อกลุ่มสื่อสาร
ขนาดเล็กที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจบนโครงข่าย 3G อย่างแน่นอน โดยเฉพาะบริษัท จัสมิน
อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน)
(SAMTEL) และบริษัทจัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ซึ่งจะเกี่ยวข้องกัน
ในโครงการประมูลรับงานวางเครือข่ายในโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้มองว่า SAMART ซึ่งเป็นบริษัทฯเอกชนที่เคยได้รับงานจาก บริษัท ทีโอที
จำกัด (มหาชน) แล้วนั้น จะมอบหมายงานต่อเนื่องไปยัง JAS ในการวางระบบ แต่อย่างไรก็ตาม
หากมองราคาหุ้น JAS ขณะนี้พบว่าราคาปรับสูงขึ้นเกิดพื้นฐานที่ 0.60 บาท ไปแล้ว จึงแนะนำให้
เพียงเก็งกำไรตามกระแสข่าวเท่านั้น โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1.50 บาท และแนวรับอยู่ที่ 1.35 บาท
ส่วนพื้นฐานผลงานด้านกำไรในปีนี้มองวาไม่ดีนัก อยู่ที่ประมาณ 900 ล้านบาท จากงวด 6 เดือน
ที่มีกำไร 366.57 ล้านบาท
ขณะที่หุ้นในกลุ่มที่กล่าวถึงนั้น ตัวที่น่าสนใจมากที่สุด แนะนำซื้อ JTS เนื่องจากราคา
ยังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานที่ 2.50 บาท โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 2.30 บาท และแนวรับอยู่ที่ 2.06 บาท
ซึ่งในส่วนของผลการดำเนินงานในปีนี้นั้น พบว่าผลงานในช่วงครึ่งปีแรก 2553 มีกำไรอยู่ที่ 92
บาท เท่ากับกำไรในปี 2552 ทั้งปี
ส่วนทั้งปีนี้ คาดว่าจะมีกำไรทั้งสิ้นประมาณ 170-180 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน
ประมาณเท่าตัว ขณะเดียวกันแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2554 มีโอกาสที่กำไรจะเติบโตขึ้น
เป็น 200-300 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นพื้นฐานเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4 บาทได้ ทั้งนี้แนวโน้มราย
ได้ที่จะเกิดขึ้นจากโครงการ 3G ดังกล่าวอาจมีการบันทึกในปีนี้บางส่วน และแบ่งไปบันทึกในปี
หน้าอีกส่วนหนึ่ง
นอกจากนี้ ในระยะต่อไปหากโครงการต่างๆ ดำเนินการเสร็จสิ้นได้ อาจส่งผลบวกต่อ
เนื่องในธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ อาทิ JMART เป็นต้น แต่อาจได้รับประโยชน์ไม่มากนัก
ขณะเดียวกันในส่วนของ ADVANC, DTAC และ TRUE อาจต้องเข้าไปเสียค่าเช่าเครือข่าย
3G จากทีโอทีได้ เพื่อรอบรับความต้องการใช้บริการ 3G ของลูกค้าด้วย

ภาพหน่วยงานรัฐเปลี่ยน เล่นหุ้นสนุก
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ มองว่าภาพของหน่วยงานรัฐที่ปรับเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
ไม่ลงตัว ทำให้มองแนวโน้มอนาคตของธุรกิจสื่อสารได้ยาก เล่นหุ้นสนุก แต่คงทำให้ธุรกิจล้าหลัง
พัฒนาช้ากว่าเพื่อนบ้านไปอีกนาน
ส่วนการเปิดประมูลโครงข่าย 3G ของทีโอที คาดว่าการประมูลโครงข่ายจะทำให้เกิด
แรงเก็งกำไรในหุ้นที่รับงานประมูล ได้แก่ SAMTEL (ถือ 75% โดย SAMART) และ
LOXLEY นอกจากนี้หากทีโอทีมี Capacity ของโครงข่ายเพิ่ม จะทำให้ ADVANC มีโอกาส
ขอ Roaming บริการ 3G ของทีโอทีและกับบริการ Roaming การโทรด้วยเสียงของ
ADVANC ซึ่งจะทำให้ลูกค้าใน กทม. มีโอกาสใช้ 3G ได้เช่นกัน

ระบุโครงการ ทีโอที คืนทุน 7 ปี ให้ผลตอบแทน 19.49%
สำหรับแผนงานของ ทีโอที นั้น ในเบื้องต้น นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ระบุว่า ทีโอที จะจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมา 1 แห่ง
เพื่อมาบริหารแผนงานในโครงการลงทุนระบบ 3G ของบริษัทเพื่อให้ประชาชนได้รับการบริการ
ในระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ในราคาที่ไม่แพงมากนัก
นอกจากนี้ ยืนยันว่าทางทีโอทีไม่จำเป็นต้องประมูลการจัดทำโครงการระบบ 3G เนื่อง
จาก ทีโอที ได้รับการประกาศใบอนุญาตให้ดำเนินการแล้วเมื่อปี 2545 โดยได้ตั้งเป้าจะขยาย
โครงข่ายสถานีให้ได้ 5,400 แห่งทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใหญ่รวม 12-15
จังหวัด จากเดิมที่มีโครงข่ายอยู่แล้ว 4,700 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมกับประชาชนผู้ใช้บริการ โดย
คาดว่าจะมีความชัดเจนในอีก 6 เดือนข้างหน้า
ด้านนายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม
ครม. ได้มีมติอนุมัติเงินลงทุนโครงการ 3G จำนวน 19,980 ล้านบาท ของบริษัททีโอที จำกัด
(มหาชน) (TOT) โดยเป็นการปรับลดจากวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เมื่อวันที่ 9 ก.ย.
2551 วงเงิน 29,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบประมาณในส่วนของการประกวดราคาคิดเป็นวง
เงิน 17,440 ล้านบาท เงินลงทุนในอุปกรณ์เพื่อสนับสนุนขีดความสามารถโครงข่ายและการ
บริการให้ต่อเนื่อง วงเงิน 540 ล้านบาท ปรับปรุงโครงการเดิมของ บจ.เอซีที โมบาย จาก 2G
เป็น 3G วงเงิน 2 พันล้านบาท
ขณะที่ผลตอบแทนทางการเงินได้ประเมินไว้ที่ 19.49% คิดเป็นมูลค่า 11,411 ล้าน
บาท และช่วงเวลาคืนทุนจำนวน 7 ปี สำหรับจำนวนลูกค้าได้ตั้งเป้าไว้ที่ 7.4 ล้านเลขหมาย โดย
เพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้เพียง 5 ล้านเลขหมายในปี 2548 โดยรูปแบบธุรกิจเป็นประเภทขาย
ส่ง
นอกจากนี้ยังประเมินส่วนแบ่งการตลาดของโครงการดังกล่าวไว้ที่ 8% จากยอดรวม
ของตลาด หรือคิดเป็น 91 ล้านเลขหมาย จากเดิมในปี 48 ที่กำหนดไว้เพียง 6% เท่านั้น
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. ยังอนุมัติการเปลี่ยนแปลงวิธีการประมูลราคาอุปกรณ์โครง
ข่าย จากเดิมเป็นการประกวดราคาแบบสากล เปลี่ยนเป็นวิธีการประกวดราคาแบบทั่วไป เนื่อง
จากปัจจุบันบริษัทชั้นนำด้านโทรคมนาคมทุกบริษัทมีผู้แทนสาขาอยู่ในประเทศไม่ต่ำกว่า 5 ราย
ดังนั้นจึงมีผู้เข้าประกวดราคาในประเทศมากเพียงพอที่จะก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างสมบูรณ์และ
นำมาซึ่งเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดย ทีโอที จะยังได้รับผลประโยชน์ในด้านราคาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมครม. ยังได้เปิดให้ผู้ประกอบการต่างชาติสามารถเข้าร่วมการ
ประมูลกับผู้ประกอบการภายในประเทศได้ เพื่อให้เกิดการเปิดกว้างสำหรับการประมูลโครงการ
ดังกล่าว โดยคาดว่าการประมูลในวิธีการประกวดราคาทั่วไปนั้นจะช่วยประหยัดระยะเวลาดำเนิน
การได้ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมูลประมาณ 60 วันและจะช่วยให้ ทีโอที สามารถ
พัฒนาระบบโครงข่ายระบบ 3G ได้แล้วเสร็จก่อนผู้ประกอบการรายอื่นๆ
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. ยังได้มอบหมายให้บริษัท ทีโอที ไปจัดทำแผนบริหารความ
เสี่ยงในด้านของการจัดการลงทุนโครงการดังกล่าว เนื่องจากได้มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องของ
ความเสี่ยงในการดำเนินงานโครงการระบบ 3G ของ ทีโอที เพราะหลังจากนี้หากมีการจัดตั้ง
กสทช. ขึ้นเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานดังกล่าว
อีกทั้งการเดินหน้าโครงการในครั้งนี้กระทรวงการคลังจะไม่ค้ำประกันความเสี่ยงให้
กับ ทีโอที เนื่องจากการลงทุนเป็นการทำธุรกิจในด้านเชิงพาณิชย์



เรียบเรียง โดย กานต์ธิดา หวานฉ่ำ
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com




ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 29/09/10 เวลา 8:11:52

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น